นักวิชาการคณะประมง
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเก็บข้อมูลพื้นที่เกาะเสม็ดอย่างต่อเนื่องตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาจากเหตุน้ำมัน ปตท รั่ว ยืนยันว่าขณะนี้ประชาชนสามารถบริโภคสัตว์ทะเล
และเล่นน้ำทะเลที่เกาะเสม็ดได้แล้ว หลังเหตุการณ์ท่อส่งน้ำมันดิบรั่ว จนส่งผลโดยตรงต่อระบบนิเวศทางทะเลในพื้นที่
และทำลายความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยว
ปะการังที่ฟอกขาวจากคราบน้ำมันบริเวณอ่าวพร้าว
เกาะเสม็ด และสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลา 6 เดือน เป็นข้อมูลที่อาจารย์และนักศึกษาภาควิชาการวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้จากการลงพื้นที่
และติดตามการเปลี่ยนแปลงคุณภาพสิ่งแวดล้อมทางทะเลและระบบนิเวศ
บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า - เกาะเสม็ดตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา
ซึ่งคณะสำรวจพบว่าเกาะเสม็ด
1 ปริมาณปะการังฟอกขาวลดน้อยลง
จากประมาณร้อยละ 60 ในช่วงแรก ลดลงเหลือร้อยละ 0 ในระยะเวลา 2 เดือน
ทั้งนี้การฟอกขาวของปะการัง โดยปกติเกิดจากสภาวะโลกร้อน
และใช้เวลาฟื้นตัวนานประมาณ 1 ปี ก่อนจะกลับสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม แม้ปะการังบริเวณอ่าวพร้าว จะไม่ฟอกขาวแล้ว
แต่พวกเขา เห็นว่ายังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องอีก 1 ถึง 2
ปี
ทีมสำรวจของคณะประมง
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เริ่มต้นสำรวจพื้นที่ตั้งแต่เดือนสิงหาคมจาก ข่าวน้ำมันรั่ว
ปตท 2556 ครอบคลุมจุดศึกษา
60 จุด ตั้งแต่แนวชายฝั่งมาบตาพุดจากที่ น้ำมัน
ปตท รั่ว ซึ่งเป็นสาเหตุ
น้ำมันรั่ว ระยอง จุดเกิดเหตุท่อน้ำมันรั่วไหล เรื่อยไปถึงอ่าวบ้านเพ แหลมแม่พิมพ์ โดยรอบเกาะเสม็ด รวมทั้งอ่าวพร้าวซึ่งเป็นจุดที่คราบน้ำมันลอยเป็นแผ่นฟิล์มจากน้ำมันรั่ว
ปตท
จากการศึกษาปริมาณสารไฮโดรคาร์บอนในสะสมอยู่ในทรายทั้ง
3 ระดับ
อย่างผิวน้ำ กลางน้ำ และพื้นท้องน้ำ
โดยเปรียบเทียบกับค่ามาตรฐานของทรายในเกาะฟิลิปปินส์ พบว่า
มีปริมาณสารไฮโดรคาร์บอนลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าอยู่ในภาวะปกติ
แต่ค่าที่วัดได้ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์
ขณะที่การสำรวจปริมาณสัตว์ทะเลโดยใช้ปริมาณปูทหารเป็นตัวชี้วัด
พบว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในจำนวนเกือบครึ่งของภาวะปกติ ส่วนการสำรวจปลาในแนวปะการังที่ร่วมกับนักวิจัยญี่ปุ่น
ไม่พบการสะสมสารพิษต่อมนุษย์ ที่มากเกินมาตรฐาน
นักวิชาการ
คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บอกว่า ยังจำเป็นต้องเฝ้าระวังและติดตามความเปลี่ยนแปลงบนเกาะเสม็ดอย่างต่อเนื่อง
และเสนอให้ภาครัฐและเอกชนชะลอโครงการฟื้นฟูระบบนิเวศไปก่อน 1 ปี
เพื่อให้ธรรมชาติฟื้นตัวอย่างเต็มที่ก่อน นอกจากนี้ควรมีการศึกษาการสะสมของสารปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอนในดินตะกอนมากขึ้น
เพื่อกำหนดค่ามาตรฐานที่ใช้ร่วมกันทั้งประเทศ
เนื่องจากประเทศไทยมีการขนส่งและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับปิโตรเลียมมากขึ้น
5 มีนาคม 2557 เวลา 17:24 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น